หมอกธุมเกตุ
เป็นหมอกที่มีการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์สำคัญมาครั้งหนึ่งว่า เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ ทรงสวรรคต เคยมีหมอกธุมเกตุปรากฎขึ้นเป็นที่ประจักษ์ตา
ดังในเรื่องบันทึกของ หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาของ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เขียนไว้ว่า
“…ถึงตอนบ่าย ข่าวประชวรมากก็รู้กันไปทั่วแล้ว และแทบทุกคนก็พากันไปฟังพระอาการทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน เวลาราวบ่าย ๔ โมง พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ (ซึ่งทรงเป็นหมอพระองค์หนึ่ง) ขอเข้าไปดูพระอาการ พอถึงพระองค์ท่านก็ยกพระหัตถ์จับที่พระชีพจรที่พระบาท สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงหลับพระเนตรอยู่ ตรัสถามว่า “นั่นหมอหรือ” เป็นคำสุดท้ายแล้ว ก็มิได้ตรัสต่อไปอีกเลย ค่อยๆ ทรงบรรทมหลับไปๆ จนหมดพระอัสสาสะ เมื่อเวลา ๒๔.๔๕ น. พระบรมศพมิได้ซูบซีดผิดปกติว่าเวลาทรงพระบรรทมหลับตามปกติแต่ประการใด
กำหนดสรงน้ำพระบรมศพที่พระที่นั่งอัมพรสถานในที่พระบรรทม แล้วเชิญพระบรมศพลงพระโกศทอง เชิญเสด็จขึ้นพระยานุมาศเคลื่อนกระบวนจากพระราชวังสวนดุสิตไปสู่พระมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง เวลา ๐๗.๐๐ น.เศษ
เสด็จพ่อทรงสั่งราชการพลาง ทรงพระกรรณแสงพลางอยู่ที่วังตอนเช้าวันอาทิตย์ พวกพี่น้องของข้าพเจ้าเขาก็พากันกลับเข้าวังหมดแทบทุกคน ข้าพเจ้ายังมีไข้เข้าไปช่วยในวังไม่ได้ พอเสด็จพ่อทรงเครื่องเต็มยศใหญ่เข้าไปสวนดุสิตแล้ว ข้าพเจ้าก็ไปคอยเฝ้าพระบรมศพที่ริมถนนราชดำเนินแถวโรงเรียนนายร้อยทหารบก พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่จะยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียว ทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอก-ตกใจด้วยไม่รู้รส
อากาศมืดครึ้ม มีหมอกขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป
ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละคือ “หมอกธุมเกตุ” (หมอกธุมเกตุนี้ ตามตำราโบราณว่า เป็นหมอกที่มีสีประดุจควันไฟ ดอกไม้เพลิง จะเห็นได้ตั้งแต่เช้าไปจนเที่ยง หรือ ตั้งแต่เที่ยงไปจนบ่ายหนึ่งบ่ายสองโมง ถือว่าเป็นหมอกที่ร้ายนัก นัยว่าเกิดเพราะเกตุสำแดงเหตุให้ปรากฏ) ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้น…”
ภาพประกอบจาก https://pantip.com/topic/35698943
สำหรับความหมายของคำว่า ธุมเกตุ มีปรากฎไว้ว่า
ธุมเกตุ [ทุมะเกด] น. ไฟ ดาวหาง ดาวตก สิ่งที่เป็นหมอกเป็นควันเกิดขึ้นในอากาศผิดธรรมดา มีรูปคล้ายธงเป็นต้น. (ป. ส. ธูมเกตุ).
ยังมีคำขยาย อยู่ในตำราเก่าอีกว่า
ธุม คำว่า “ธุม” หมายถึง “ควัน” เป็นปรากฏการณ์ผิดปกติในธรรมชาติอีกลักษณะหนึ่ง ปรากฏ ในอากาศ เป็นเหตุทำให้คนแต่ก่อนคิดเห็นเป็นลางร้ายอย่างหนึ่งถึงแก่ทำเป็นตำรับไว้เตือนความจำ เพื่อ การระมัดระวังเหตุอันจะเป็นมา
อธิบายไว้ดังนี้
• ธุม มี ๒ คือ ธุมเกตุ ๑ ธุมเพลิง ๑
• ธุมเกต ตกสีดุจหนึ่งควันไฟดอกไม้เพลิง เห็นแต่แก้ไถไปถึงเที่ยง เห็นแต่เที่ยงไปถึงบ่ายโมงหนึ่ง สองโมงร้ายนัก คือ พระเกตุสำแดงเหตุ
• ธุมเพลิง ตกสีดุจควันไหม้ เห็นปรากฏเป็นหมู่ๆ เป็นจอมปลวกในสามทิศก็ดี สี่ทิศก็ดี หาก บันดาลให้ตกใจว่าไฟไหม้ ให้นักปราชญ์พิจารณาดูถ้าแท้แลจะถึงกาลอันพินาศ ให้เร่งจำเริญเมตตา ภาวนา เรียกว่า พระพาย เอ็นดูแก่โลกจึงสำแดงเหตุให้เห็นประจักษแล
ภาพจาก https://pantip.com/topic/35698943
และในตำราบูชาเทวดาอัฏฐเคราะห์ และตำราอธิไทโพธิบาทว์ อันกล่าวถึงอุบาทว์ลักษณะต่างๆ ก็มีบันทึกถึงดาวหาง อันเรียกว่า “ธุม” อยู่ด้วย เป็นความหมายว่า เป็นนิมิตรที่เทวดาจะบันดาลให้ทราบถึงเหตุต่างๆ ดังนี้
ธุมเกตุ ตก ให้มืดคลุ้มไปก็ดี ประดุจหนึ่งควันพลุ่งไปก็ดี แต่ในเวลากลางวันไป ให้ว่า พระภุม สำแดงเหตุ เป็นอันร้ายนัก
ธุมเพลิง ตก สีดุจควันเพลิง ให้เห็นปรากฏเป็นหมู่ ๆ เป็น จอม ๆ ใน ๓ ทิศก็ดี หากบันดาลให้ชนตกใจว่าไฟไหม้ ให้นักปราชญ์พิจารณาดู ผิว่าแท้แล้วจะถึงกาลพินาศให้เร่งเจริญเมตตาภาวนา
จะว่าไปแล้ว หมอกธุมเกตุนี้ ก็เชื่อมโยงถึง ดาวพระเกตุ ซึ่งเชื่อมโยงได้ถึงดาวหาง ที่ถือว่า ยามมาเยือน เป็นนิมิตลางร้ายในบ้านเมือง
- ดังมีในบทปกรณ์ว่าด้วยดาวหาง
ถ้าพระเกตุตกในพระอาทิตย์ สีแดง ขาว เขียว เหลือง นิล สีคราม เป็นสายรอบก็ดี จะเกิดศึกในประเทศต่างๆ ชนจะเจ็บเป็นไข้ตายเป็นอันมาก ฤกษ์บนไม่สู้ดี ฯ
ถ้าพระเกตุตกในพระจันทร์ เหมือนกล่าวมาแต่หลัง ถ้าสีขาวอาหารจะบริบูรณ์ ถ้าสีเหลืองอาณาประชาราษฏร์จะอยู่เย็นเป็นสุขทั้งแผ่นดิน ฯ
ถ้าพระเกตุตกในดาว เป็นสายออกไปอีกทิศพายัพ ประเทศเมืองอื่นจะเข้ามาสู่โพธิสมภารเป็นอันมาก ถ้าเป็นสายออกไปทิศหรดี จะเกิดศึกในปีนั้นแล ฯ
ถ้าพระเกตุตกมืดหมอกไป 7 วันก็ดี 3 วันก็ดี วัน 7 (วันเสาร์) ก็ดี ทั้งเช้าเย็นกลางคืน จะเกิดศึกต่างประเทศจะเสียเมือง ชนทั้งหลายจะตายมาก ฤกษ์บนวิปริตต่างๆ ฯ
ถ้าพระเกตุตกในแผ่นดิน เป็นควันไฟลุกขึ้นมา จะเสียเมือง ถ้ามิดังนั้นอาณาประชาราษฏร์นานาประเทศ จะเกิดความทุกข์ ฯ
ถ้าพระเกตุตกในน้ำ เป็นสีขาว เขียว เหลือง จะแพ้พาณิชย์ ค้าขายจะเป็นตายต่างๆ ฯ
ถ้าพระเกตุตกในพระราชวังเป็นแผ่นเขียว เป็นไคลที่เสาก็ดี เป็นเลือดข้นก็ดี ให้เขียวไปทั้งพระราชวังก็ดี ตกในช้าง ในม้า พระที่นั่งก็ดี จะเป็นอันตรายต่างๆ จะร้อนในพระพุทธศาสนา จะร้อนในไสยศาสตร์ จะแพ้ผู้ใหญ่และราษฏรทั้งปวง ฯ
ถ้าพระเกตุตกในภูเขา ในไม้ ให้เขียว แดง ขาว ทั้งสามอย่าง จะมีลาภในบ้านเมือง จะเกิดความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
ภาพจาก https://pantip.com/topic/35698943