แต่ก่อนอื่น อาจจะต้องอธิบายปูพื้นว่า โหราศาสตร์นั้น แบ่งแบบคร่าวๆ ก่อนก็ได้ จะมีอยู่ 2 ระบบหลักด้วยกัน คือ A.โหราศาสตร์แบบตะวันตก และ B. โหราศาสตร์แบบตะวันออก

ตัวอย่าง : ระบบ Tropical จะบอกว่า ราศีเมษ คือคนที่เกิดระหว่างวันที่ 20 มีนาคม – 19 เมษายนระบบ Sidereal จะบอกว่า ราศีเมษ คือคนที่เกิดระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 พฤษภาคม

ทั้งนี้ เพราะทั้ง 2 ระบบ มีจุดอ้างอิงเริ่มต้นที่ 0 องศา ณ #ราศีเมษ เหมือนกัน แต่มีวิธีแบ่งกันคนละอย่าง (ในส่วนนี้ยังมีรายละเอียดอีกมาก เอาไว้ค่อยเล่าเพิ่มเติมวันหลังนะคะ)

ระบบ Tropical เริ่มต้นด้วยการแบ่งตามฤดูกาล คือแบ่งท้องฟ้าออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน และแบ่งแต่ละส่วนเป็น 3 ราศี แต่ละราศีให้มีขอบเขต 30 องศา ดังนั้น จึงมีจุดเริ่มต้นของแต่ละราศีที่สัมพันธ์กับแต่ละฤดูกาล ระบบ Sidereal เริ่มต้นด้วยการแบ่งตามกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ซึ่งดวงดาวต่างๆ จะโคจรผ่านไป และเริ่มราศีเมษ เมื่ออาทิตย์เข้าสู่กลุ่มดาวฤกษ์อัศวินี

ระบบโหราศาสตร์ที่มีกลุ่มดาวนักษัตรนี่เอง เป็นที่มาของการ วางฤกษ์ยาม ด้วย

ทีนี้ มาถึงคำว่า การผูกดวงแบบ สุริยยาตร์ และระบบ นิรายนะวิธี กันบ้าง

ที่หนึ่งบอกว่า ลัคนาอยู่กันย์ แต่อีกที่ บอกว่าลัคนาอยู่ตุลย์ ในบางที่ ดาวพุธอยู่ในราศีกันย์ เป็นเรือนที่ 1 (เรือนลัคนา) แต่อีกที่ ดาวพุธกลายไปอยู่ในราศีตุลย์ กลายเป็นเรือนที่ 2 (กดุมภะ) เป็นต้น

นั่นเพราะว่า สุริยยาตร์ และนิรายนะ ใช้ปฏิทินการคำนวณหาลัคนา และตำแหน่งดวงดาวที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

แล้วจะยึดถืออันไหนดี?

คำตอบ : ด้วยโหราศาสตร์นั้น มีความละเอียดลึกซึ้ง แตกแขนงแยกย่อยได้อีกมากมาย การจะยึดถือในระบบไหน ก็เหมาะที่จะพิจารณาเปรียบเทียบด้วยตัวเอง เพราะนักโหราศาสตร์ หรือโหราจารย์แต่ละท่าน ก็อาจมีเทคนิคแตกต่างกันไปด้วย บางท่านอาจจะถนัดแบบตะวันออก บางท่านอาจจะถนัดแบบตะวันตก บางท่านมีเคล็ดลับมากมาย บางท่านมีสถิติส่วนตัวจากประสบการณ์ ฯลฯ

แต่มีอย่างหนึ่งว่า ระบบนิรายนะ Sidereal นั้น ตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ จะโคจรตรงกันกับตำแหน่งดวงดาวจริงบนท้องฟ้า หรือตามตำแหน่งทางดาราศาสตร์ ซึ่งทำให้ตำแหน่งดวงดาวต่างๆ และการย้ายของดาวทั้งหลาย ตรงกันกับทางโหราศาสตร์ตะวันตก Tropical ด้วย

แต่ระบบสุริยยาตร์ อาจจะมีตำแหน่งดวงดาวที่ไม่ตรงกับปฏิทินโหราศาสตร์สากล และไม่ตรงกับตำแหน่งดาวจริงบนท้องฟ้า เพราะเป็นการคำนวณตามแบบคัมภีร์เฉพาะที่สืบทอดหลักวิชากันมา

ฉะนี้ ในระบบ สุริยยาตร์ จึงถือว่า ราหูจะยกย้ายเข้าราศีกรกฎ ในวันที่ 4 สิงหาคม 60 นี้ ในเวลาประมาณ 23.24 น.

แต่ทางระบบนิรายนะ ราหูจะยกย้ายเข้าราศีกรกฎ ในวันที่ 9 กันยายน 2560 ในเวลาประมาณ 05.32 น.

ใครยึดถือโหราศาสตร์ในระบบใด ก็เลือกรับราหูได้ตามความสนใจนั่นเองค่ะ

[ ภาพเปรียบเทียบตำแหน่งดวงดาว ในระบบสุริยยาตร์ และระบบนิรายนะ ] ดูตำแหน่งของพระจันทร์ จะมีความแตกต่างกัน

อนึ่ง สำหรับทางโหราศาสตร์ระบบนิรายนะ และสายนะนั้น ราหู ไม่มีสถานะเป็นเทพ เป็นเพียงจุดเงาคราส และไม่ส่งผลต่อดวงชะตาในลักษณะให้คุณให้โทษใดๆ

สิ่งที่ส่งอิทธิพลต่อแต่ละดวงชะตา จะเป็นเรื่องของระยะเชิงมุมที่ดวงดาวทำแรงดึงดูดกระทบกัน ว่าจะทำมุมดี มุมร้าย จะสอดคล้องหรือผลักไส และระยะเชิงมุมเหล่านั้น จะกระตุ้น-ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างไร จะไม่ได้เป็นประเด็นในทางเรื่องลี้ลับแต่อย่างใด

แต่ในส่วนของโหราศาสตร์ภาคพิธีกรรม ความเชื่อ ตำนาน และแนวทางไสยศาสตร์นั้น ดาวทั้งหลาย มีลักษณะให้คุณให้โทษได้ เราจึงมีคำบูชาเทวดานพเคราะห์ และเทพประจำวันต่างๆ

แต่ราหู ก็ยังไม่ใช่เทพ และการไหว้บูชาราหูนั้น จริงๆ จะหมายถึงการขอลดหย่อนผ่อนโทษ สักการะขอขมา หรือขอให้ราหูไม่ทำร้ายตัวเองมากกว่า

**จะมีบางดวงเท่านั้นที่ราหูให้คุณ เช่น ลัคนาราศีกุมภ์ เพราะราหูเป็นดาวเจ้าเรือน หรือลัคนาราศีมังกร เพราะราหูเป็นคู่มิตรกับดาวเสาร์เจ้าเรือน หรือคนเกิดพุธกลางคืน เพราะถือว่าเป็นวันของราหู

ถามว่า จะไหว้รับราหูดีหรือไม่ จึงแล้วแต่ความเชื่อ ศรัทธา และหลักเกณฑ์ที่ยึดถือนะคะ

ในส่วนของการะเกต์พยากรณ์แล้ว อยากจะเตือนว่า

และอย่าลืมพิจารณาว่าอะไรที่ขอจากราหู หรือราหูให้ มีเงื่อนไขแฝงอยู่หรือเปล่า

เพราะบางทีอาจจะมีการ เอาคืน ในภายหลัง นั่นเองค่ะ