ดวงดาวบนท้องฟ้า ในวันที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงสวรรคต

ดวงดาวบนท้องฟ้า ในวันที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงสวรรคต

จากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่นำเอาเรื่องราวต่างๆ ในประวัติศาสตร์กลับมาโลดแล่นกันได้อีกครั้ง ในหลากหลายแง่มุม ในฐานะของนักโหราศาสตร์ค่ะ ก็จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ในวันที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงสวรรคตนั้น ดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นอย่างไร
มีดาวอยู่ดวงหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นที่สังเกตของตัวเองมาตลอดว่า เมื่อไหร่ที่อยู่ในจุดสำคัญ จะส่งผลสะเทือนอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ดังปรากฎในบันทึกปูมตำนานหลายต่อหลายครั้ง

นั่นคือ ดาวมฤตยู (0)

ทั้งนี้ เมื่อจะย้อนกลับไปดูท้องฟ้า ในวันที่สมเด็จพระนารายณ์สวรรคตนั้น ก็คงต้องลองวางลัคนาดวงพระชะตาก่อนว่า พระองค์ท่านควรจะมีลัคนาราศีอะไร

ในบันทึกประวัติศาสตร์หลายแห่ง ระบุไว้ว่า ทรงพระราชสมภพในวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. ๒๑๗๕ และสวรรคตในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑

จากการสืบค้นอีกครั้ง พบว่าในวิกิพิเดีย สารานุกรมเสรี ระบุไว้ว่า พระองค์ทรงพระราชสมภพ ตรงกับวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๑๗๕ แต่ไม่ปรากฏเวลาที่ชัดเจน

ในการวางลัคนานั้น จำเป็นจะต้องรู้เวลาพระราชสมภพที่แน่นอน ณ จุดเวลา แต่เมื่อไม่มีปรากฏ จึงต้องลองวางลัคนาเคลื่อนไปตามราศีต่างๆ โดยดูจุดสัมพันธ์ที่ปรากฎ ในวันสวรรคต เท่าที่น่าจะใกล้เคียงที่สุด เท่าที่จะสามารถอธิบายได้ในทางโหราศาสตร์
จึงวางลัคนาพระชะตาที่เวลา ๑๒.๐๐ น. ของวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๑๗๕ เป็นวันจันทร์
หากพระลัคนาสถิตตามนั้น จะทรงมี พระลัคนาพฤษภ ราศีกุมภ์

พระราชสมภพ พ.ศ. ๒๑๗๔/๒๑๗๔ พระราชวังหลวง / สวรรคต ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑ (๕๖ ปี) พระที่นั่งสุทธาสวรรย์, จังหวัดลพบุรี
เหตุที่วางพระลัคนาให้อยู่ในราศีพฤษภนั้น เนื่องเพราะในวันสวรรคตนั้น ดวงดาวต่างๆ โคจรดังนี้
☉ อาทิตย์อยู่ในราศีกุมภ์
? จันทร์อยู่ในราศีธนู
อังคารอยู่ในราศีกรกฎ
☿ พุธอยู่ในราศีกรกฎ
♃ พฤหัสอยู่ในราศีมังกร
ศุกร์อยู่ในราศีเมถุน
♄ เสาร์อยู่ในราศีกันย์
☊ ราหูอยู่ในราศีเมษ
♅ มฤตยูอยู่ในราศีพฤษภ

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เคยทอดพระเนตรจันทรุปราคาร่วมกับคณะทูต นักบวชคณะเยสุอิต และนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ณ พระที่นั่งเย็น ทะเลชุบศร เมืองลพบุรี

♥️ ในวันสวรรคตนั้น

ดาวมฤตยู (0) จรในเรือนลัคนา หรือที่เรียกว่า เรือนตนุกำเนิด ที่ราศีพฤษภ นับว่ากุมลัคน์
ทั้งนี้ ดาวมฤตยูเพิ่งจะเข้ามาสู่ราศีพฤษภ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๒๒๑ คือยกเข้ามาได้เพียง ๓ เดือนเท่านั้น
และหลังจากนั้นยังย้ายกลับราศีเมษอีกครั้ง ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๒๓๑ ก่อนจะคืนสู่ราศีพฤษภอีกรอบ ในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๒๓๒ นับว่าเป็นการเดินวิปริตยิ่งนัก
ในวันนั้น ดาวมฤตยู (0) ยังสถิตในปฐมตรียางค์ ๖ และปฐมนวางค์ ๗ คืออยู่ในกฤติกาฤกษ์ โจโรฤกษ์
ในฤกษ์นี้ ดาวศุกร์ เจ้าเรือนลัคนาและ ดาวอริ เป็นเจ้าเรือนราศี อาทิตย์ ดาวเจ้าเรือนพันธุ เป็นดาวเจ้าฤกษ์ ทั้งนี้ ดาวอาทิตย์เป็นดาวกาลกิณีของพระองค์

ดาวมฤตยูในราศีพฤษภ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑

ดาวมฤตยูในราศีพฤษภ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑
ในวันนั้น ดาวมฤตยู (0) ยังทำมุมกับดาวพลูโต (Pluto) ดาวพระยมที่เป็นสัญลักษณ์ของมรณะและมรดกทรัพย์ที่จะทิ้งเอาไว้

โบราณว่า เมื่อมฤตยูทำมุมกับพลูโต มักหมายถึงการเปลี่ยนรูป การระเบิด การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน และการถอนรากถอนโคนในระดับลึกที่สุด

ตำแหน่งของดาวพลูโต และดาวดวงอื่นๆ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑

เปรียบเหมือนลมพายุพัดมาพร้อมอสุนีบาตฟาด จนแผ่นดินร้าวแยกแตกฉาน เกิดโพรงลึกข้างใต้ ซึ่งย่อมจะนำมายังแรงสั่นสะเทือนนานาต่อจากนั้น

ในวันนั้นค่ะ ราหู ก็สถิตอยู่ในราศีเมษ ชนกับราหูในดวงพระกำเนิด ซึ่งสถิตในเรือนเดียวกัน เป็นจุดคราสอันรุนแรง ซ้ำยังอยู่ในเรือนที่ ๑๒ (วินาสน์)

อันหมายถึงความป่วยไข้ที่เรื้อรัง และกำเริบฉับพลัน

ตำแหน่งของดาวพฤหัส วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑

ตรวจดูยังดาวพฤหัสบ้าง ในวันสวรรคตนั้น พฤหัสบดีท่านโคจรในราศีมังกร เป็นดาวนิจที่อับแสง แต่ก็นับได้ว่าจรในเรือนศุภะกำเนิด และเป็นมูละจรในทักษา

คือทรงดำรงพระเกียรติยศครั้งสุดท้ายอย่างอ่อนแรง โดยทิ้งพระราชสมบัติทรัพย์มรดกต่างๆ เอาไว้เป็นแม่นมั่น
สำหรับดาวอาทิตย์ ในวันนั้น สถิตร่วมดาวอังคาร และดาวพุธ อยู่ในราศีกรกฎ อาทิตย์ยังคงเป็นดาวมหาจักร แสดงถึงความยิ่งใหญ่ แต่ร่วมดาวอังคารวินาสน์คู่ศัตรู ซึ่งในทางทักษา ดาวอังคารเป็นทั้งดาวอายุกำเนิด และดาวอายุจร และวันนั้น ดาวอังคารเข้าในนวางค์มรณะ เป็นดาวนิจ อับแสงอีกเช่นกัน
สำหรับดาวพุธ ซึ่งนับเป็นดาวปุตตะ (บุตร, สิ่งอุบัติใหม่) เข้าในตำแหน่งเป็นดาวเดชจร และดาวพุธเองยังเป็นดาวเดชกำเนิด แน่ชัดว่า จะมีสิ่งใหม่ๆ อุบัติขึ้นหลังจากนั้น

อนึ่ง ในตำราโบราณ การกระทบมุมของดาวอังคารกับดาวพุธ มีคีย์เวิร์ดถึง “ความคิดหรือการกระทำที่รุนแรง ความกระด้างกระเดื่อง”

แสดงว่าเมื่อสิ้นรัชสมัยแล้ว ย่อมจะมีเรื่องชุลมุนวุ่นวายกันน่าดู

มีดาวอีกดวงที่สำคัญมาก และจะขาดในการพิจารณาเสียไม่ได้ นั่นคือ ดาวเสาร์ ในวันนั้น ดาวเสาร์สถิตกุมลัคนาจร อยู่ในจิตรานักษัตร

ในตำแหน่งนั้น มีดาวอังคารเป็นดาวเจ้าฤกษ์ เสาร์คือดาวศรีจรและดาวศรีกำเนิดของสมเด็จพระนารายณ์เจ้า เมื่ออยู่ในขอบเขตของดาวอังคารคู่ศัตรู ดาวคู่โทษทุกข์ และยังเป็นดาววินาสน์อันสัมพันธ์ถึงการป่วยไข้ที่หมักหมมอยู่ภายใน และสภาวะปราศจากอิสรภาพ การกุมกันของดาวคู่นี้ ย่อมหมายถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานโดยแท้
มิหนำซ้ำ ในตำแหน่งนั้น ยังมีดาวมฤตยู (0) กำเนิดสถิตอยู่

เสาร์ (๗) มฤตยู (๐) และอังคาร (๓) คือจุดอันตรายที่สุด หากพิจารณาดวงชะตาที่ป่วยไข้ และจุดนั้น คือเรือนที่ ๕ (ปุตตะ) แห่งดวงชะตา

คือการสิ้นสุดเพื่อการอุบัติใหม่ และคือการมรณะของบุตร (หรือบริวารสำคัญ) ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะตรงกับในบันทึกทางประวัติศาสตร์ อันแสดงเหตุการณ์ในวันสวรรคตไว้ (สามารถค้นอ่านกันได้)

ตำแหน่งของดาวเสาร์ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑
หากพิจารณาจากดวงดาวต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในราศีจักรลัคนาของวันสวรรคตแล้ว ก็เห็นได้ว่า มีจุดเชื่อมโยงสอดคล้องกับสถานการณ์จริงไม่น้อย

เพราะจุดสำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ดาวจันทร์

เชื่อหรือไม่ว่า ในวันนั้น แม้แต่ดาวจันทร์ ก็ตกเข้าในเรือนมรณะ เป็นดาวบริวารจร อยู่ในมูละนักษัตร ซึ่งจันทร์ในฤกษ์นั้น อยู่ในขอบเขตของพระเกตุ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์, ชาวต่างชาติ, คนแปลกๆ) และพฤหัสบดี (ดาวเจ้าเรือนมรณะของพระองค์เอง)

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑

อนึ่ง ในตำราโหราศาสตร์โบราณกล่าวว่า เมื่อพฤหัสทำมุมร้ายกับดาวพระเกตุแล้วไซร้ จะแสดงถึง “ยาพิษ, ความสำเร็จที่ไร้ประโยชน์ และสิ่งที่ใช้การมิได้”

จะเห็นได้ว่า ดวงดาวในวันดังกล่าว ล้วนเข้าทุกจุดสัมพันธ์อันแสดงถึงวาระสู่สวรรคต ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจมาก เรียกได้ว่า ตำแหน่งดวงดาวก็สอดคล้องกับบันทึกประวัติศาสตร์อย่างน่าอัศจรรย์
อันเป็นที่มาของการต้องนำมาบันทึกเอาไว้นะคะ
………………………………………………………………………………..
หมายเหตุ :
  • ในการขออัญเชิญดวงพระชะตา นำมาวางพระลัคนาในครั้งนี้ ก็ด้วยประสงค์จะตรวจดูตำแหน่งดวงดาวต่างๆ เพื่อเป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในทางโหราศาสตร์ และจะได้เป็นประโยชน์ให้กับท่านที่สนใจวิชาโหราศาสตร์ทั้งหลายด้วย เพราะจะสามารถสืบค้นความหมายของระยะเชิงมุมต่างๆ ได้ด้วยตนเองอีกครั้ง
  • ดังนั้น จึงนำภาพดวงดาวบนท้องฟ้า ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นตำแหน่งจริงทางดาราศาสตร์ และตรงกันกับปูมดวงจักรราศี (ใช้ระบบนิรายนะวิธี) มาให้ชมกันด้วยค่ะ
  • หมายเหตุ : พุทธศักราช ๒๒๓๑ ใกล้เคียงกับ เมษายน ค.ศ. ๑๖๘๘ – มีนาคม ค.ศ. ๑๖๘๙
  • ในการดูภาพท้องฟ้าทางดาราศาสตร์ ใช้วันที่ ๑๑ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. ๑๖๘๘

Comments

comments